วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกทานของข้าพเจ้า ตอนที่ 1 อามิสทาน



สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ กัลยาณมิตร ทุกท่าน




บันทึกทานของข้าพเจ้า ตั้งแต่จำความได้จนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าได้ทำครบหมดแล้ว ทั้ง 3 ระดับ คือ อามิสทาน, ธรรมทาน และ อภัยทาน



อามิสทานกับสัตว์ ที่ข้าพเจ้าเคยทำมานั้นก็มีตั้งแต่การให้อาหารสัตว์ทั้งที่เลี้ยงไว้ และที่จรจัดทั่วไปค่ะ ข้าพเจ้าเป็นคนที่รักสัตว์แทบทุกชนิด (ยกเว้น งู อันนี้กลัวที่ซุ๊ดดด)



และเคยเลี้ยงมาก็นับว่าหลายชนิดมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว กระต่าย กระรอก กรแต หนูตะเภา หนูกัสเปอร์(เขียนถูกไหมหนอ) เต่า เต่าญี่ปุ่น ปลาสวยงามต่างๆ มีอีกไหมหนอ ติ๊กต๊อกๆๆๆ เท่าที่จำได้ประมาณนี้ค่ะ แต่สุนัขนี้จะมีเลี้ยงหลายรุ่นหลายพันธ์มากเลย ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ สุนัขพันธ์ต่างๆ รวมไปถึงสุนัขพันทางด้วยค่ะ



และสุนัขตามข้างถนนหนทางต่างๆ ข้าพเจ้าจะเอาอาหารให้พวกเขาเสมอ ถ้าถือของกินกับมือนะ เหลือกับบ้านไม่ถึงครึ่งทุกที แหะๆ บางทีก็ไม่ได้กินเลยให้สัตว์หม๊ด จนบางทีแม่จะว่าบ่อยๆ ว่าห้ามให้สัตว์อีกให้กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยให้พวกเขา แต่ก็ไม่วาย แอบแม่ให้อยู่ดี อิอิ ก็พวกเขาน่าสงสารนี่น่า



แต่ตอนนี้ มาพำนักอยู่ต่างประเทศ สถานที่พักไม่เอื้ออำนวยให้เลี้ยงสัตว์ได้ แถมลูกชายสุดที่รักก็เป็นภูมิแพ้ด้วย เลยอดเลี้ยงสัตว์ไปโดยปริยายเลย...



แต่ก็ยังไม่ลดละที่จะทำทานกับสัตว์อยู่นะ ก็จะมีให้อาหารนก ที่ระเบียงบ้านบ้าง ที่หน้าร้านบ้าง(ตอนมีร้านอาหาร) สามีเป็นชาวต่างชาติ แรกๆ เขาก็จะบ่นว่าไม่ให้เพราะนกจะอึเลอะเทอะ แต่ด้วยความที่เราอยากให้ (ดื้อว่างั้น) เขาอึก็อึไปเราก็ล้างได้นี่น่า ไม่เห็นจะลำบากอะไรเลย ก็จะแอบให้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ ที่นี่จะไม่มีสุนัขข้างทาง เลยอดทำทานกับสุนัขพันทางเลยน่ะ บางทีก็จะไปให้อาหารปลา เป็ดที่แม่น้ำค่ะ



อามิสทานกับมนุษย์ด้วยกัน ด้วยความที่เป็นคนที่รักเพื่อนมากๆ ค่ะ จะมีเลี้ยงอาหารเพื่อนตลอด ชวนเพื่อนมาทานข้าวที่บ้านบ้างหรือออกไปเลี้ยงข้างนอกก็บ่อย ไม่ได้ว่ารวยอะไรนะคะ คนไทยที่อยู่ต่างแดนจะเข้าใจข้อนี้ดีค่ะ เราจะผลัดกันไปทานข้าวบ้านคนนั้นคนนี้บ้าง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ได้สนทนาภาษาไทยๆ กันน่ะค่ะ



นอกจากจะเลี้ยงข้าวเพื่อนบ่อยๆ แล้ว ก็จะมีเอาอาหารใส่กล่องไปวางไว้ที่ตามแยกบ้างไปวางไว้ที่บนฝาถังขยะหรือแขวนไว้ใกล้ๆบ้าง เพื่อให้คนเก็บขยะเขาได้ไปทานกันน่ะค่ะบางทีก็จะมีเงินใส่ในถุงข้าวด้วย ให้เงินขอทาน ส่วนใหญ่จะให้คนแก่กับเด็กแต่หลังจากที่มีข่าวออกมาว่ามีการจับเด็กไปเป็นขอทานกันเยอะมาก เลยเปลี่ยนจากการให้เงินขอทานเด็กๆ มาเป็นให้ขนมให้ข้าว น้ำ กับพวกเขาแทนค่ะ มีให้เงินกับญาติๆ บ้าง บางคนก็คืนให้ บางคนก็ไม่ได้คืนให้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาลำบากกว่าเราก็ช่วยเขาไปค่ะ



อามิสทานจากการทำบุญตักบาตร สร้างพระวิหารสิ่งปลูกสร้างในพุทธศาสนา เมื่อสมัยเด็กๆ ต้องช่วยป้าเปิดร้านขายของในตลาดตั้งแต่ตี 4 เลยทำให้ได้ใส่บาตรเช้าไปโดยปริยายทุกวันค่ะ และทุกวันพระจะไปทำบุญที่วัดค่ะ วันไหนตรงกับวันที่ไม่ไปโรงเรียนก็จะอยู่ฟังเทศน์ต่อ แต่ถ้าวันไหนต้องไปโรงเรียนก็จะแค่ไปจัดอาหารใส่จานถวายพระสงฆ์แล้วไหว้พระประธานก็จะเลยไปโรงเรียนไม่ได้อยู่ฟังเทศน์ค่ะ   ตอนที่มาต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพก็จะมีโอกาสได้ไปทำบุญน้อยลง แต่ทุกครั้งที่กลับบ้านต่างจังหวัด ก็จะไปทำบุญที่วัดทุกครั้งค่ะอย่างน้อยไปไหว้หลวงพ่อพระพุทธชินราชทุกครั้งที่กลับบ้านค่ะ (แม้แต่ทุกวันนี้หากกลับไทยเมื่อไรก็จะต้องไปไหว้ท่านด้วยค่ะ) ช่วงชีวิตก่อนแต่งงานจะเข้าออกวัดบ่อยมาก ชอบไปวัดค่ะไปแล้วสบายใจดี ชอบฟังพระท่านสวดถึงแม้ตอนนั้นจะไม่เข้าใจว่าบทสวดแปลว่าอะไร บางบทก็ยังสวดไม่เป็นด้วยซ้ำแต่ชอบฟังค่ะ เพราะจับใจบอกไม่ถูก อาจจะด้วยความที่เราโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กด้วยที่ไปวัดแทบทุกวันเลยโดยเฉพาะทุกวันพระ



แต่ตอนนี้มาอยู่ต่างแดนเมืองที่ข้าพเจ้าอยู่ไม่มีวัดไทย ไม่มีพระให้ใส่บาตรแล้ว ก็จะเอาเงินใส่กระปุกแทนแล้วรวบรวมไปทำบุญที่เมืองไทยหรือวัดไทยที่เยอรมันค่ะ



การสร้างพระ,สร้างโบสถ์,สร้างสิ่งปลูกสร้างในพุทธศาสนาก็มาพอสมควรค่ะโดยเฉพาะการฝั่งลูกนิมิตรจะไปทุกวัดเลยที่รู้ว่ามีการฝั่งลูกนิมิตรน่ะค่ะเพราะต่อไปคงหาโอกาสยากที่จะมีการฝั่งลูกนิมิตรกันน่ะค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าเคยร่วมทำบุญสร้างสิ่งปลูกสร้างฯที่ไหนมาบ้าง แต่ที่แน่ๆ กำลังร่วมสร้างพระเจ้าองค์แสน กับน้องปาล์ม (เวปผลบุญ) เป็นต้นสาย 1 กองค่ะ จะส่งมอบเงินในเดือนมกราคมนี้ค่ะ เพื่อนๆ ร่วมทำบุญกับข้าพเจ้าด้วยได้นะคะ อ่านรายละเอียดได้ที่ห้องบันทึกโครงการบุญค่ะ





ทานอีก 2 ระดับที่เหลือ ธรรมทาน และอภัยทาน ไว้ติดตามอ่านต่อในบทความต่อไปนะคะ



บุญญาบารมี

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทาน คือ ??



คำว่า "ทาน" มี 3 ระดับด้วยกัน

1. อามิสทาน คือการให้ตามวัตถุสิ่งของทั่ว ๆ ไป


2. ธรรมทาน การให้ธรรมะเป็นทาน การให้ความรู้เป็นทาน การให้คำแนะนำเป็นทาน
แม้แต่การให้กำลังใจก็เป็นธรรมทาน
3 อภัยทาน อภัยทานมี 2 ความหมาย

การที่เราเป็นคนดี ไปที่ไหนไม่มีใครกลัวเราเลย เราเป็นบุคคลแห่งความปลอดภัย เป็นบุคคลแห่งสันติภาพ อย่างนี้ก็เป็นอภัยทานในแง่บวก ต่อไปอภัยทานในแง่ลบ ก็หมายความว่า ต่อเมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดเรา เกิดทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา แล้วเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะอภัยได้ เราก็ยกโทษให้ อย่างนี้ก็เป็นอภัยทาน

มนุษย์ควรจะทำทานให้ครบทั้ง 3 ขั้น

ทั่วๆ ไป ก็คือทำอามิสทาน ก็ให้ปันสิ่งของแก่กันและกัน มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก หลักในการให้ปันสิ่งของมีลักษณะอยู่อย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ให้เมื่อผู้รับเขาพร้อมจะรับ ถ้าเขาไม่พร้อมจะรับ แล้วเราไปให้ มันจะกลายเป็นการยัดเยียดให้ ของที่มีคุณค่าแต่ถ้าให้ไม่ถูกกาลเทศะกลายเป็นของที่ไม่มีค่าได้มั๊ย คนที่มีพร้อมอยู่แล้วเราเอาไปให้เค๊า เค๊าจะเห็นคุณค่ามั๊ย เค๊าก็ไม่เห็นคุณค่า คนที่ไม่มีเงิน เราเอาเงินแค่ 10 บาทไปให้ เค๊าดีอกดีใจ เพราะอะไร เพราะเขาไม่มี แต่คนที่เค๊ามีเป็นร้อย เราให้ 10 บาท เค๊าจะเห็นคุณค่าของเงินเรามั๊ย เค๊าก็ไม่เห็น เราชอบทุเรียนมาก ๆ เลย แต่เพื่อนเราไม่ชอบ เราเอาทุเรียนไปยัดเยียดให้เพื่อน แทนที่เพื่อนจะชอบ เพื่อนกับรู้สึกไม่ดีใช่มั๊ยฉะนั้นการให้ปันวัตถุสิ่งของต้องให้ เมื่อผู้รับเค๊าพร้อมจะรับ

แล้วก็ธรรมทานอย่านึกว่าธรรมทานเป็นเรื่องของพระนะ คนทุกคนให้ธรรมทานได้ เพราะธรรมทานหมายถึงว่าการให้ความรู้ ใคร ๆ ก็มีความรู้ มีความรู้เรื่องไหน ก็ให้ความรู้เรื่องนั้น ให้คำแนะนำที่ดีก็เป็นธรรมทาน ให้กำลังใจที่ดีกับเพื่อนร่วมงานก็เป็นธรรมทาน แม้แต่มีคนมาถามทางแล้วเราบอกทาง นี่ก็เป็นธรรมทาน จะเห็นว่าเป็นเรื่องของคนทุกคน

แล้วอภัยทานถ้าเรามีศีลมีธรรมอยู่แล้ว ทั้งชีวิตเราก็ได้ให้อภัยทานตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วอภัยทานในแง่ลบก็ควรปฏิบัติ เราอยู่กับใครเกิดผิดพลาด ด้วยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ถ้ามันไม่หนักหนาสาหัสเกินไป ยกโทษให้ได้มั๊ย ถ้าทำได้ก็ยกโทษให้ไป ทำอย่างนี้เรียกว่า ปฏิบัติทานให้ครบ 3ระดับ 3ขั้น

อย่างอภัยทานขอยกตัวอย่างนิดนึง คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทุก ๆ ปี จะให้อภัยทานนักโทษ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ อย่างปีนี้ในมงคลวโรกาสที่มีงานเฉลิมฉลองครองศิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี คนเราไม่ค่อยให้ความสนใจ คนไทยไม่ค่อยให้ความสนใจประเด็นนี้ แต่แท้ที่จริง ปีนี้พระองค์ท่าน พระราชทานอภัยให้นักโทษ 25,000 คน นี่ก็เป็นอภัยทานเหมือนกัน

อาตมาภาพจึงคิดว่า ถ้าเราให้ อามิสทานแล้ว ให้ธรรมทานแล้ว ยังไม่เคยฝึกให้อภัยทาน ก็น่าจะลองปฏิบัติดู เพราะว่าการให้อภัยทานเป็นการปลดปล่อยจิตใจตัวเองให้เป็นอิสระ

อาตมาภาพเคยมีลูกศิษย์ อยู่คนหนึ่ง ทำงานอยู่ในแวดวงสื่อมวลชน แล้วเค้าทุกข์มาก ทุกข์เพราะเที่ยวทะเลาะไปกับคนนั้นคนนี้ มาดูรายชื่อแล้วเป็นสิบคน เค้าบอกว่าทำไมไปที่ไหนมันทุกข์ เพราะแค้นไง มีอยู่วันหนึ่งลุกขึ้นมา เค้าเอารายชื่อคนที่เค้าแค้นมานั่งไล่ดู แล้วโทรไปขอโทษทีละคน เค้าบอกว่า พอเค้าทำอย่างนี้ปุ๊บ เย็นวันนั้นเค้าบอกว่าตัวมันเบาเลย เพราะว่าทุกคนที่เค้าโทรไปขอโทษ ทุกคนเค้าบอกไม่ติดใจเอาความ มนุษย์เนี่ย พอในใจมันไม่มีติดค้างอะไรกับใครมันสุขมั๊ย เค้าบอกว่าเค้ามีความสุข เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเอง เป็นลูกโป่งที่หลุดจากมือคนถือ มันลอยขึ้นฟ้าเลย นั่นแหละคืออานิสงฆ์ของอภัยทาน

จิตใจตัวเองเป็นอิสระ อิสระจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ความแค้น คนที่จิตใจเต็มไปด้วยอภัยทาน ก็ปลอดโปร่งโล่งเบา มีความสุข เห็นมั๊ยว่าถ้าอภัยทานเป็น ก็มีความสุขเช่นเดียวกัน ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นชาวโลก อย่าว่าแค่เป็นชาวพุทธเลยนะ เป็นชาวโลก ฝึกให้ครบ 3ขั้นตอน คือ อามิสทาน ให้วัตถุ ธรรมทาน ให้ธรรมะ แล้วก็อภัยทาน ให้การยกโทษให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วย






แหล่งที่มา :  ถอดเสียงจาก mp3 ;   พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี




บ้านอิ่มบุญ

บ้านอิ่มบุญ
กลับหน้าหลัก